วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

สูตรรักษาฝ้า

สูตรรักษาฝ้า คั้นน้ำมะขามเปียก ให้ค่อนข้างใสสักหน่อย ตั้งไฟอ่อน รอจนสุก จึงใส่น้ำผึ้งลงไปคนให้เข้ากัน ขั้นตอนนี้ต้องทำพร้อมกัน คือมือหนึ่งเท อีกมือก็คนให้ทั่ว นำมาทาหน้า วันละ 1 ชั่วโมง ช่วยรักษาฝ้า และทำให้ผิวหน้านวลใสขึ้น สูตรสาวหน้าใส ส่วนผสม น้ำผึ้ง น้ำมะนาว ผสมน้ำผึ้ง 1 ถ้วย น้ำมะนาว 1 ช้อนชา เข้าด้วยกัน นำมานวดให้ทั่วใบหน้า มะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิว เหมือนครีมที่มีส่วนผสม AHA นั่นแหละ ส่วนน้ำผึ้ง ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น นวด ประมาณ 15 นาที สูตรลดริ้วรอย เลือกใช้ผลไม้ที่หาง่าย จะเป็นแอปเปิ้ล กล้วยหอม แตงกวา หรือมะเขือเทศก็ได้ค่ะ ใช้ปริมาณ 1 ถ้วย นำมาปอกเปลือกและเอาเมล็ดออก นำไปปั่นให้เนื้อ ละเอียด นำเนื้อผลไม้ที่เตรียมไว้ มาพอกให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก และล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น อีกครั้ง จะทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม เกลี้ยงเกลา แลดูสดใส สูตรกระชับรูขุมขน กล้วยหอม แตงกวา มะเขือเทศ (เลือกเอาอย่างใด อย่างหนึ่ง) ปอกเปลือก เอาเมล็ดออก แล้วหั่นเป็น ชิ้นเล็ก ๆ เติมนมเปรี้ยวหรือน้ำผึ้งลงไป นำไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อครีม นำมาพอกให้ทั่ว ใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ ประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้าง ออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยทำความสะอาดใบหน้า และ ช่วยกระชับรูขุมขน และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น สูตรพิฆาตสิวเสี้ยน นำไข่ขาว มาทาบาง ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน แล้วใช้ กระดาษทิชชูหรือกระดาษซับหน้าแค่ชั้นเดียว วางทับลงไป รอให้แห้ง แล้วค่อย ๆ ดึงกระดาษออก โดยดึงจากมุมด้านล่าง สิ้วเสี้ยนที่เคยเป็นเสี้ยนหนาม ตำใจจะหลุดออกมาอย่างง่ายดายค่ะ เคลนเซอร์สำหรับทุกสภาพผิว โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย น้ำมันดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ (คั้นสด ๆ นะคะ) นำส่วนผสมทั้งหมด มาผสมให้เข้ากัน พอกให้ทั่วหน้า ทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิว ให้ชุ่มชื้นอีกด้วย

สูตรรักษาผิวหน้า


สูตรขจัดสิวหัวดำ นำมะเขือเทศสดมาปั่นรวมกับข้าวโอ๊ตให้เข้ากัน แล้วผสมน้ำผึ้ง สักเล็กน้อยนำมาทา บนใบหน้าให้ทั่ว เน้นเป็นพิเศษบริเวณ ที่มีสิวหัวดำ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น

มาร์คพอกหน้าสูตรใบเตย นำใบเตย4-5 ใบมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำไปปั่นรวมกับไข่ไก่ 2ช้อนโต๊ะจะได้

มาร์คพอกหน้าเป็นครีมข้นๆ หอมกลิ่นใบเตย พอกหน้าไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างหน้าตามปกติ

ถนอมผิวหน้าด้วยโยเกิร์ต ล้างหน้าให้สะอาด ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู แล้วใช้มือแตะ โยเกิร์ต(ให้ใช้ชนิดที่ไม่ผสมเนื้อผลไม้) มาพอกให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบปากและดวงตา นวดและคลีงเบาๆ พอกไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก หมั่นทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ผิวจะเปล่งปลั่ง สดใสอมชมพูทีเดียวค่ะ

ครีมพอกหน้าสำหรับสาวผิวมันและผิวผสม ให้ใช้แตงกวา1 ผล ไขไก่ 1 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่ขาว) และมะนาว 1 เสี้ยว หั่นแตงกวาเป็นแว่นบางๆ นำไปปั่นพร้อมกับไข่ขาว และบีบน้ำมะนาวลงไป ปั่นจนละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตาไว้ ทิ้งไว้ ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุก สัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยสมานผิวหน้า กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน เต่งตึง และนวลนุ่ม ชุมชื่น เพื่อเรียวขาสวย ก่อนนอน นำมะนาวเปรี้ยวๆสักหนึ่งเสี้ยว บีบลงในดินสอพอง พอหมาด ทาให้ทั่วขา ทิ้งไว้สักหนึ่งคืน รุ่งเช้าค่อยล้างออก แม้จะไม่ทำให้ขาเนียนขึ้นทันตาเห็น แต่หากทำเป็นประจำ ยืนยันว่าได้ผลค่ะ

ลบรอยกระด่างดำบนใบหน้าด้วยมะละกอสุก นำมะละกอสุกมายีให้ละเอียด พอกหน้า ทิ้งไว้ สัก 10 นาที แล้วจึงล้างออก จะช่วยให้ ใบหน้าที่มีรอยด่างดำดูดีขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

วิธีรักษาจุดด่างดำและรอยแผลเป็น

1. เมื่อเป็นสิวอักเสบ มีผิวหนัง อักเสบหรือเป็นแผล จะมีการกระตุ้น เซลล์สร้างเม็ดสีให้ผลิตเม็ดสีเพิ่มขึ้น ทำให้เมื่อหายอักเสบแล้วจะทิ้งรอยด่างดำไว้ ซึ่งจะค่อยๆ จางหายไปเอง แต่อาจต้องใช้เวลานานสักหน่อย การทาครีมให้ผิวขาว (whitening cream) อาจช่วยให้รอยด่างดำจางลงเร็วขึ้น บางคนใช้วิธีขัดผิวด้วยกระแสไฟฟ้าที่เรียกว่า" ไอออนโต " (iontophoresis) ซึ่งอาจทำให้ริ้วรอยด่างดำจางเร็วขึ้นได้บ้าง แต่เสียค่าใช้จ่ายสูง ส่วนรอยแผลเป็นจากสิวชนิดที่มีลักษณะเป็นหลุมบ่อ รอยแผลเป็นพวกนี้มักถาวร การทากรดวิตามินเอ หรือทำไอออนโตด้วยกรดวิตามินเอ อาจทำให้รอยแผลเป็นชนิดนี้ดีขึ้นได้บ้าง นอกจากนั้นการขัดหน้าด้วยเกล็ดอัญมณี (crystal peeling หรือ microdermabrasion) ก็อาจช่วยให้แผลเป็นหลุมบ่อตื้นขึ้นได้ แต่ทางที่ดีที่สุดอย่าบีบ อย่าแกะสิวเวลาสิวอักเสบ จะช่วยไม่ให้เกิดแผล เป็นเหล่านี้ครับ2. สำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามัน การล้างหน้าบ่อยๆ คงไม่ใช่วิธีที่จะป้องกัน ไม่ให้หน้ามัน หรือไม่ให้รูขุมขนกว้าง ควรล้างหน้าฟอกสบู่วันละ 1-2 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว โดยใช้สบู่ลูบไล้ผิวหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เสร็จ แล้วซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด อาจใช้สบู่เด็กเพราะหาง่ายและไม่แพง ไม่แนะนำให้ใช้ครีมหรือโลชั่นล้างหน้า เพราะใบหน้าจะยิ่งมันขึ้น แต่ถ้าแต่งหน้าก็อาจต้องใช้ครีมล้างหน้าก่อน แล้วตามด้วยการล้างหน้าและฟอกสบู่ ระหว่างวันถ้าหน้ามันก็ใช้กระดาษซับมัน

วิธีขจัดสิวเสี้ยน

วิธีขจัดสิวเสี้ยน บางคนใช้ไข่ขาวทาทั่วหน้าแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วจึงลอกออก ก็อาจพอช่วยได้บ้าง เล็กน้อย อาจใช้ยาทากลุ่มเบนซอยล์ เปอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) หรือกลุ่มกรดวิตามินเอทาทั่วหน้า โดยทั่วไปยาเบนซอยล์ เปอร์ออกไซด์ นิยมใช้ทาทั่วหน้าก่อนล้างหน้าในตอนเย็น แล้วทิ้งไว้ 5 นาที จึงล้างออก ส่วนยากรดวิตามินเอนั้นให้ ทาทั่วหน้าก่อนนอน และควรใช้ยากันแดดทาทั่วหน้าในตอนเช้า เพราะยากรดวิตามินเอหากโดนแสงแดดจะเกิดความระคายเคืองได้ ยาทาทั้ง 2 ตัวนี้อาจก่อผลแทรกซ้อน จึงควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์นะครับอีกวิธีหนึ่งคือ ใช้เครื่องมือกดสิว (comedone extractor) กดตามบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยนดำ แต่วิธีนี้ต้อง ทำโดยความระมัดระวัง เพราะทำให้ ผิวหนังระคายเคือง และหากกดไม่ถูกวิธีสิวอุดตันอาจจะแตกออกจากท่อรูขุมขนโดยยังฝังอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อตามมาได้ ส่วนการใช้แผ่นกาวขจัดสิวเสี้ยนก็พอ ทำให้สิวเสี้ยนหลุดออกได้บ้าง แต่ก็ควรใช้ตามคำแนะนำในฉลากยา และ ไม่ควรใช้เกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

วิธีรักษาหน้าหลุมสิว

วิธีรักษาหน้าหลุมสิว รอยด่างดำสิวง่ายๆ
AHA หรือแอลฟาไฮดรอกซีแอซิด (Alpha Hydroxy Acid) ที่เรียกกันว่ากรดผลไม้ เป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในอาหาร เช่น กรดเมลิกแอปเปิ้ล กรดซิตริกในมะนาว กรดทาริกในองุ่น กรดแลกติกในนมเปรี้ยว และกรดไกลโคลิกในอ้อย เป็นต้น ช่วยต่อต้านการแก่ของผิวหนัง จากการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งและศูนย์วิจัยในอมริกา เช่น มหาวิทยาลัยฮานีแมน มหาวิทยาลัยเพ็นซิลวาเนีย เทมเปิล และยูซีแอลเอ พบว่า ให้ผลดังนี้
- มีประสิทธิภาพเมื่อใช้กับผิวหนัง และผิวที่แห้งอย่างรุนแรง
- ขจัดสิวอุดตัน และทำความสะอาดรูขุมขน
- เพิ่มความนุ่มและความตึงของผิวหนัง- ขจัดปัญหาน้ำมันและสิวบนใบหน้า
- ป้องกันอันตรายต่อผิว เนื่องจากสารชะล้าง เป็นต้น
- ลดการเปลี่ยนสีผิว และจุดด่างดำ (age spots) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับไฮโดรควิโนน
- ป้องกันผิวหนังได้ดีเท่ากับการรักษาผิวมีการใช้ AHA ในเครื่องสำอางมาหลายปี บ่อยครั้งใช้ในการปรับความเป็นกรดด่าง (pH) การค้นพบประสิทธิภาพของ AHA ต้องยกย่องให้ ดอกเตอร์ ยูจีน แวนสก๊อต แพทย์ทางผิวหนัง (ตจแพทย์) ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านคลีนิก ภาควิชาตจวิทยา มหาวิทยาลัยฮานีแมน รัฐฟิลเดลเฟีย มีการเริ่มใช้ AHA ครั้งแรกโดยการทดลองรักษาในคนไข้ที่มีอาการผิวแห้งและพบว่า AHA ยังมีประสิทธิภาพอย่างดีเยี่ยม ในการรักษาสิวและจุดด่างดำ กลไกการออกฤทธิ์ AHAที่ผิวนอกหรือลึกลงไปจะน้อยหรือมาก ขึ้นกับกลไกการออกฤทธิ์ของกรดแต่ละชนิดการลอกหน้าด้วยสารเคมี เป็นการใช้สารเคมีทาบนผิวหน้า ทำให้เกิดการลอกหลุดของเซลล์ผิวหนังชั้นบน ตามมาด้วยการสร้างเซลล์ผิวหนังขึ้นใหม่จากข้างใต้ ผิวหนังใหม่จะมีความนุ่มนวล และสีผิวสม่ำเสมอกว่าเดิม
นอกจากนั้นเชื่อว่า การที่ผิวหนังมีการอักเสบจากการใช้สารเคมีนี้จะทำให้มีการหลั่งสารหลั่งบางชนิด ไปกระตุ้นให้มีการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน ในชั้นหนังแท้เพิ่มมากขึ้นการลอกหน้าโดยใช้สารเคมี มีระดับความลึกต่างๆกัน ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง
๑. ชนิดและความเข้มข้นของสารเคมีที่ใช้ เช่น glycolic acid 30-70%, trichloroacetic acid 10-30% , salicylic acid 30-50%, phenol(carbolic acid), Jessner's solution
๒. วิธีการขณะทำการลอกหน้า เช่น ทากี่ครั้ง ระยะเวลาที่สารเคมีสัมผัสผิวหน้า ใช้สำลีหรือแปรง การนวดผิวหน้าขณะทาสารเคมี
๓. ผิวหน้าของผู้รับการรักษาเอง แต่ละคนไวต่อสารเคมีมากน้อยต่างกัน นอกจากนั้นการได้การรักษาบางอย่างมาก่อน ก็มีผลเช่นกัน เช่น การทากรดผลไม้ (AHA), การทากรดวิตะมินเอ (Retinoic acid), การทายาจำพวกสเตียรอยด์ , การทายารักษาฝ้าบางชนิดเป็นเวลานานๆ จะทำให้ผิวหน้าไวต่อการลอกหน้ามากขึ้น การออกฤทธิ์ AHAคนที่มีอายุมากขึ้น ขั้นตอนในการลอกผิวหนังจะช้าลง การใช้ AHA ช่วยละลายเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งยึดติดอยู่ระหว่างเซลล์ที่ตายแล้วกับผิวหนังในชั้น stratum corneum ทำให้ชั้นบนสุดของผิวหนัง ซึ่งเป็นเซลล์ที่ตายแล้วลอกออกอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอทำให้รูขุมขนไม่อุดตันช่วยในการขับน้ำคัดหลั่งของต่อมเหงื่อ เซลล์ใหม่ที่ขึ้นทดแทนเซลล์เก่าทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ทำให้ผิวหนาขึ้นช่วยป้องกันและปกป้องผิวจากมลภาวะแวดล้อม และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย การเร่งหลุดออกของเซลล์ทำให้ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และรอยย่นหลังจากการใช้หลาย ๆ ครั้ง
จากการศึกษาของการผลิตภัณฑ์ AHA ประจำวันคือ ริ้วรอยเล็ก ๆ ลดลง ผิวเรียบมากขึ้น ผิวหนังสุขภาพดีและสะท้อนแสงอย่างสม่ำเสมอทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย กรด AHA ให้ผลคล้าย เรติน-เอ อันเป็นสารที่นิยมใช้ในการรักษาสิว และบำรุงผิวในทศวรรษที่ 80 (1980) แต่มีผลข้างเคียงเป็นอันตรายต่อผิวอย่างมาก เนื่องจากเรติน-เอ ทำให้ผิวหน้าส่วนบนบางลง ริ้วรอยบนใบหน้าดูจางลง สิวหลุดลอก หากใช้ไปนาน ๆ ผิวหน้าจะไวต่อแสงแดด และรู้สึกระคายเคืองมากเมื่อเทียบกับ AHA******ไกลโคลิก ซึ่งเป็นสารเด่นของ AHA มีขนาดโมเลกุลเล็ก เมื่อผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจึงออกฤทธิ์ได้ผลดีที่สุดเพราะว่าสามารถซึมเข้าผิวหนังได้โดยง่ายเป็นที่น่าสังเกตว่ากรดไกลโคลิก ได้ผลดีกับผิวหนังที่แห้งมาก นอกจากนี้กรดไกลโคลิก ยังทำหน้าที่สารฟอกจางสีผิวที่มีประสิทธิภาพดีกว่าไฮโดรควิโนน ******ผลจากการทำ AHA Treatment
๑. การรักษาสิว การลอกผิวหนังช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิด comedone
๒. ใช้ในการรักษาสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอบนใบหน้า จากกระ ฝ้าชนิดตื้น กระแดด ความผิดปกติของสีผิวที่อยู่ในชั้นหนังกำพร้าแต่ภาวะบางอย่างที่มีความผิดปกติอยู่ลึก มักไม่ได้ผลจากการลอกหน้าด้วยสารเคมี เช่น ไฝ ขี้แมลงวัน รอยดำหลังการอักเสบที่มีเม็ดสีอยู่ในชั้นลึก เป็นต้น
๓. ใช้รักษาร่องรอยแผลเป็นจากสิว
๔. ใช้รักษาร่องรอยเ...่ยวย่นบนใบหน้า ได้ผลกับรอยย่นที่ตื้นๆ วิธีใช้หลังจากล้างหน้าให้สะอาดแล้ว จะมีการทาAHAบนบริเวณใบหน้า 2-3นาทีในกรณีที่เพิ่งเริ่มใช้และ 5-7 นาทีในกรณีที่คุ้นเคยหรือมีการทำทรีทเม้นท์มาก่อนแล้วในระดับความเข้มข้นที่น้อยกว่า ระหว่างที่ทำการใช้จะมีอาการแสบและรู้สึกยิกๆ บริเวณที่ผิวแต่ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด****ภายใน 6-8 สัปดาห์จะรู้สึกว่าร่องรอยที่เกิดจากสิว สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอจะดูดีขึ้นริ้วรอยต่างๆจะจางลงอย่างเห็นได้ชัดค่ะ ที่มา http://board.narak.com/fashion_and_beauty/topic.php?No=88336

การรับประทานอาหารป้องกันสิว

อาหารป้องกันสิว
สิว เกิดจากความผิดปกติของต่อมไขมันที่ผิวหนัง ส่วนใหญ่จะเกิดบนใบหน้า ในบางกรณีจะเกิดบน หลัง ไหล่ หน้าอก และแขน สิวจะพบมากในวัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมน ไปกระตุ้นการหลั่งของต่อมไขมัน
ความเครียด นับเป็นสาเหตุสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว สารอาหารต่างๆ ที่ช่วยลดความเครียดจึงมีความสำคัญต่อการช่วยลดการเกิดสิวได้ การได้รับอาหารถูกต้อง ตามหลักโภชนาการและรักษาผิวหนังให้สะอาดเป็นประจำ รวมทั้งพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย การได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ และได้รับแสงแดดบ้างจะช่วยป้องกันการเกิดสิวได้
สำหรับเรื่องอาหาร พบว่า มีการใช้สารอาหารบางชนิดในการป้องกันและรักษาสิว เช่น วิตามินเอ วิตามินบีรวม วิตามินซี วิตามินดี และวิตามินอี แร่ธาตุ เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม โครเมียม กำมะถันและสังกะสี ทั้งในรูปของการกิน และการใช้ทาภายนอก สารอาหารดังกล่าวพบได้ในอาหารทั่วไป ดังนั้น เพื่อเป็น การป้องกันสิว วัยรุ่นควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และให้มีความหลากหลายในแต่ละหมู่ ในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะสังกะสี ซึ่งมีมากใน ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง อาหารทะเล เครื่องในสัตว์ ไข่ และ ตับ เพราะสังกะสีเป็นสารจำเป็นสำหรับการทำงานของต่อมไขมันและสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ดังนั้น การกินอาหารที่ให้วิตามินและแร่ธาตุเพียงพอ ร่วมกับการปฏิบัติอื่นๆ ดังกล่าวข้างต้นจะช่วยป้องกันสิวได้

วิธีรักษาสิวผด

วิธีรักษาสิวผด
สิวผด จัดเป็นสิวประเภทหนึ่ง ที่พบบ่อยๆ มีลักษณะคล้ายผดผื่นเล็กๆ และแหลม โดยพบว่า มักจะดูเรียบหรือดีขึ้นในตอนเช้า และจะเห่อๆ ในตอนบ่ายๆ ผื่นอาจมีสีแดงและคันได้ หากล้างหน้าบ่อยขึ้น มักเป็นมากขึ้น และหากรักษาไม่ถูกต้องจะเป็นมากขึ้น บริเวณที่พบได้บ่อยๆ คือ บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะ หน้าผากและขมับ
สาเหตุ ที่พบบ่อย คือ
1. จากความร้อน
2. แสงแดด
3. การเช็ดถูหน้าบ่อยๆ หรือ การเช็ดถูหน้าแรงๆ
4. เครื่องสำอางบางประเภท
5. บางครั้ง เชื่อว่า เชื้อรา P.OVALE มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
วิธีป้องกันสิวผด คือ
ลดการรบกวนต่อผิวหน้าให้น้อยที่สุด (Mechanical Irritation) เช่น การนวดหน้า,การขัดหน้า,หรือเช็ดถูหน้าบ่อยๆ
ล้างหน้าเฉพาะที่จำเป็น หรือบริเวณที่ผิวมัน เพราะ การล้างหน้าบ่อยๆ จะทำให้สิวผด รุนแรงมากขึ้นได้
ลด หรือหลีกเลี่ยง การใช้ครีมหรือยาที่ทำให้ผิวหน้าระคายเคืองมากขึ้น (Chemical Irritation) เช่น การใช้ยารักษาสิวประเภท Retinoic Acid,Benzoyel Peroxide AHA,BHA เป็นต้น
ควรล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า,หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ และไม่ควรใช้น้ำอุ่นล้างหน้า และควรล้างหน้าไม่เกิน 2-3 ครั้งต่อวัน
ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด และใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกนอกบ้าน ควรเลือกกันแดดที่มี SPF >15-30 และมีค่า PA++ เป็นอย่างน้อย
ไม่ควรซื้อยามารักษาผื่นเอง เพราะมักทำให้เป็นมากขึ้น และยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยา มักเป็น STEROID ซึ่งมีผลข้างเคียงมาก

วิธีรักษาสิวเสี้ยน

วิธีรักษาสิวเสี้ยน
วิธีที่1 นำน้ำผึ้งพอประมาณไปผสมกับโฟมล้างหน้า เพราะว่าน้ำผึ้งจะช่วยให้สิวเสี้ยนหาได้คะ เขาบอกมาอย่างนี้นะคะ

วิธีที่2 นำผงไข่มุกกับน้ำเปล่าผสมกัน อย่าให้มันเหลงนะคะ จากนั้นนำมาพอกตรงจมูก พอรู้สึกว่าแห้งแล้วก็ไปล้างออกทำอาทิตย์ละ2ครั้งพอ มันจะจางลงเรื่อยๆ

วิธีที่3 นำเกลือ(ต้องเป็นเกลือละเอียดนะ)มาถูตรงที่มีสิวเสี้ยน หรือว่าจะผสมกับนมหรือโยเกิร์ต ขัดๆถูๆอย่างเบามือ ซะ10นาทีพอคะข้อสำคัญอย่าถูแรงนะคะ เดี๋ยวจมูกจะแดงได้ค่ะ และคนที่ผิวแพ้ง่ายไม่ควรมใช้วิธีนี้ค่ะ

วิธีที่4 ที่ใครๆก็รู้กันคือนำไข่ขาวพอกไว้คะ หรือว่าจะนำเยื้อชั้นในไข่มาพอกก็ได้นะคะ พอแห้งก็ดึงมันออกคะ

วิธีรักษาสิวแบบง่ายๆ

เอาวิธีรักษาสิวแบบง่ายๆมาฝาก สมุนไพรรักษาสิว การดูแลใบหน้าให้สวยเปล่งปลั่งนั้น ทางทีดีเราควรจะเริ่มตั้งแต่การป้องกันค่ะ ไม่ใช่เกิดปัญหาแล้วค่อยมารักษา ซึ่งปัจจุบันนี้ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ หันมามอบความไว้วางใจให้กับสมุนไพรกันมากขึ้น ด้วยหวังว่ามันจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบหรือผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย สมุนไพรอย่างหนึ่งที่พูดถึงกันมากในสรรพคุณของการรักษาสิวก็คือ ว่านหางจระเข้ค่ะ ซึ่งเป็นสมุนไพรจำพวกที่ใช้ใบ ภายในจะมีวุ้นใส ๆ และยางเหลือง ๆ ยางสีเหลืองตัวนี้ต้องระวังนะคะเพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ถ้าเผลอเอาไปทาจะแสบร้อน บางคนก็จะแพ้เป็นผิวผื่นคัน ซึ่งถ้าหากอยากทราบว่าเราจะแพ้หรือเปล่า ก็ให้นำว่านหางจระ อย่างที่เรารู้ ๆ กันนะคะว่า กลไกของการเกิดสิวนั้นมีด้วยกันหลายอย่าง เช่น อารมณ์ก็ทำให้เกิดสิวได้ เครียดมากก็สิวเห่อ อาหารบางอย่างก็ทำให่มีสิวได้เหมือนกัน เครื่อเข้ที่ตัดมาใหม่ ๆ ทางบริเวณท้องแขน ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที ถ้ามีอาการคัน แปลว่าผิวเราแพ้ค่ะ ส่วนใหญ่เราจะเห็นเขานิยมนำว่านหางจระเข้มาทาหน้า แต่ว่านชนิดนี้จะไม่เหมาะกับคนผิวหน้าแห้งนะคะ ถ้านำมาใช้เดี่ยว ๆ จะทำให้ผิวหน้าแห้งลงไปอีก ถ้าจะนำมาใช้ให้ผสมกับน้ำมันมะกอกหรือไข่แดง คนแรง ๆ ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวนำมาพอกหน้าทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออกผิวหน้าจะใส ชุ่มชื่นค่ะ แต่สำหรับคนที่ผิวมันให้นำว่านที่ตัดใหม่ ๆ ไปแช่น้ำให้ยางสีเหลืองไหลออกหมดก่อนแล้วให้ลอกเอาเฉพาะวุ้นที่อยู่ข้างในมาทาหรือพอกหน้าไว้สักพัก หน้าจะตึง รูขุมขนจะถูกบีบให้เล็กลง ทำให้ความมันบนใบหน้าลดลงได้ค่ะ ส่วนใครที่เป็นสิวอักเสบ ก็ไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้เช่นกันนะคะ เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ ใครที่มีความกังวลเรื่องฝ้า การใช้ว่านหางจระเข้แม้จะไม่ใช่การรักษา แต่เป็นการป้องกันที่ดีค่ะ เราสามารถนำมาทาเพื่อป้องกันรังสี UV ได้ ซึ่งเมื่อใช้เป็นประจำก็จะทำให้ปัญหาเรื่องฝ้าลดน้อยลง นอกจากว่านหางจระเข้แล้ว ยังมีสมุนไพรอื่น ๆ อีกที่เราสามารถนำมาใช้บำรุงผิวหน้าได้ อย่างเช่น หอมแดง เมื่อเรานำมาฝานเป็นแว่น ๆ บาง ๆ นำไปทาบริเวณที่เป็นสิว รอยด่างดำ ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก ใช้เป็นประจำรอยสิวจะหายไปค่ะ กล้วยหอม ก็มีประโยชน์ต่อผิวพรรณเช่นกัน ถ้าเรานำกล้วยหอม 1 ผล ไปปั่นกันน้ำผึ้ง ? ถ้วย นำมาพอกหน้าไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออกจะทำให้หน้าตาผิวพรรณสดใส ส่วนมะนาว นำมาใช้ประโยชน์ในการดูแลใบหน้าได้มากทีเดียวค่ะ เราใช้มะนาวล้างหน้าแทนสบู่หรือโฟมได้ หรืออาจจะใช้ไข่ขาว 1 ช้อนชา ดินสอพอง 2 เม็ดใหญ่ มะนาว 1 ลูก น้ำผึ้ง 1 ช้อน น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันจะได้ครีมข้นนำมาพอกหน้า พอกตัวประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก ทำวันเว้นวัน ไม่นานค่ะ ผิวพรรณจะใสนุ่มเนียน เห็นไม่ค่ะ สมุนไพร ผลไม้ที่มีไว้ประจำบ้านประจำครัว สามารถนำมาใช้บำรุงความงามของเราได้ตั้งหลายอย่างค่ะ สิว สิว สิว ทำไงให้ไปพ้นๆจากเรา เราเป็นคนนึงนะที่เป็นสิว แล้วก็เป็นเยอะมากๆ เป็นสิวหัวหนองงะสิวเสี้ยนก็เยอะ หน้าก็มันมากๆด้วยแถมไม่พอยังมีรอยด่างดำที่เกิดจากสิวอีก หน้าหมองคล้ำมากทั้งที่เราเป็นคนขาว เราไปหาหมอตั้งหลายที่ไม่หายเลย ทั้งหมอไทยหมอชาวต่างชาติ ไปทำเลเซอร์หมดไปเกือบหมื่นยังไม่หายเลย เราท้อมากไม่อยากใช้อารัยเลยมัน ไม่หายงะ เค้าว่าที่ไหนดีเราไปมาหมดก็ไม่หาย หายแล้วตอนใช้ยาพอหยุดกลับมาเป็นอีก จนพี่สาวเราแนะนำให้ใช้ครีมกะสบู่มันเปงสมุนไพรล้วนๆเลย ราคาก็ถูกมากเราไม่กล้าใช้เลยเพราะมันราคาถูกแต่ก็อยากลองเพราะพี่มันการันตีเลยลองใช้ดูสักตั้งนะไหนๆหน้ามันก็พังมาขนาดนี้แล้ว เราเป็นสิวมานานเป็น5-6ปีไม่เคยหายเลยแต่พอมาใช้ครีมตัวนี้แค่เดือนเดียวสิวเราไม่ขึ้นเลยงะแปลกใจมาก แต่มันยังคงเหลือจุดด่างดำอยู่พอเดือนที่2จุดด่างดำค่อยๆจางหายไปจนหมดเลยงะสิวก็ไม่ขึ้นหน้าก็ไม่มันเราดีใจมากเลยแหละไม่คิดเลยว่ามันจะหายตอนนี้หน้าเราขาว และใสขึ้นด้วยเราใช้ตลอดเลยเราไม่คิดจะใช้อย่างอื่นเลยแหละเพื่อนๆคนไหนสนใจลองเข้าไปคุยกะเราได้นะเราเราไปลองให้คนอื่นใช้เค้าก็สิวหายเหมือนเราเลย เพื่อนเราหลายคนตอนนี้ใช้ครีมนี้เหมือนเรา ดีจิงค่ะ ไม่มีอันตราย ไม่มีสารเคมีเป็นสมุนไพรล้วนค่ะ แต่คนที่ใช้ต้องใจเย็นนะค่ะเราใช้กะหน้าค่ะต้องทะนุถนอมหน่อย ปล.ยังไงถ้าไครสนใจลองโทรมาคุยกะเราได้นะค่ะ เราชื่อมิว 0871732764 หรือแอดมาคุยก่อนก้อได้ค่ะ ที่มิวใช้คือเป็นวุ้นว่านหางจระเข้ล้วนๆสกัดค่ะมี2ตัวคือ ครีมบำรุงกะครีมกันแดด แล้วก็มีสบู่ล้างหน้าแตงกวาค่ะ มันเป็นสมุนไพรล้วนๆค่ะไม่มีสารเคมีเลย ราคาก็ ครีมว่านหางจระเข้ใช้2ตัวเช้ากะเย็น สบู่แตงกวาล้างหน้า ผงสมุนไพรพอกหน้าและขัดผิว สรรพคุณ เรียกเนื้อในหลุมรอยสิว ลดรอยด่างดำ ขจัดรอยแผลเป็นเล็กๆ บนใบหน้า ปกป้องและบำรุงผิวหน้า

สาเหตุการเกิดสิวที่หลัง

สาเหตุของสิวที่หลัง
สิวเกิดขึ้นได้ทุกที่ตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหน้า ลำคอ และหลัง เพราะร่างกายของคนเรามีต่อมไขมันอยู่ทุกๆ แห่ง แม้แต่ที่หลัง ก้น หรือไหล่
การสวมเสื้อผ้าที่อับๆ ขณะที่เล่นกีฬาหรืออยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนก็เป้นสาเหตุของสิวบริเวณหลังได้ โดยเฉพาะเนื้อผ้าที่ผสมผ้ายางใยสังเคราะห์ ถ้ารู้ว่าโอกาสเกิดสิวที่หลังบ่อยๆ ก็ต้องสวมเสื้อผ้าคอตตอนแทนเหมือนกับสิวทั่วไปจะเกิดขึ้นมากในช่วงที่มีประจำเดือน ดังนั้นช่วงนี้ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ:::ความสกปรกของเสื้อผ้า ที่นอนหรือหมอนเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง
วิธีรักษา
การรักษาสิวบริเวณหลังสามารถใช้ตัวยารักษาชนิดเดียวกับสิวบนใบหน้า:::ขณะที่เป็นสิวอย่าบีบหรือแกะเกาเพราะจะทำให้อักเสบและเกิดเป็นแผลเป็น คราวนี้ล่ะจะต้องรักษากันอีกยาว ของอย่างงี้ต้องอดทนค่ะ:::สวมเสื้อผ้าสบายๆ และหมั่นทำความสะอาดเสื้อผ้า ที่นอน หมอนอย่าให้มีสารเคมีตกค้าง:::ใช้โลชั่นหรือสบู่ชนิดป้องกันสิวหรือสูตรอ่อนโยน:::ทาครีมกันแดดเมื่อต้องแสงแดดเป็นประจำ
คุณสาวๆ หรือหนุ่มที่มีปัญหาสิวที่หลัง อ่านแล้วก็ลองไปทำตามดูนะคะ เพราะเห็นหลายๆ ถามกันเหลือเกินในหน้าถามตอบปัญหาสุขภาพ เรื่องสิวที่หลัง.... ขอให้หลังกลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิมนะจ้ะ

วิธีรักษาสิวด้วยธรรมชาติบำบัด

การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัด
เราจะไม่รักษาแค่ภายนอกโดยการใช้ยาเพียงอย่างเดียว เราจะรักษา บำบัดจากภายใน...บำบัดจากภายในบำบัดอย่างไร? ก็คือการบำบัดโดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การอยู่ของท่านให้ร่างกายทุกส่วน อวัยวะทุกส่วนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสาเหตุของการเจ็บป่วยต่างๆ นั้นล้วนเกิดจากร่างกายของท่านทำงานผิดปกติทั้งนั้น การที่ร่างกายของท่านทำงานผิดปกตินั้นก็เกิดจากการที่ท่านไม่ดูแลร่างกายตัวท่านเอง ทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์กับร่างกาย ดังนั้นท่านต้องดูแลร่างกายเรื่องการกินการอยู่ให้ดี โรคภัยไข้เจ็บก็จะไม่มาเยือนท่านง่ายๆครับ
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวบนใบหน้านั้น ก่อนอื่นเราต้องหาสาเหตุของการเกิดสิวก่อน ผมจะอธิบายให้ท่านเข้าใจง่ายๆ สิวนั้นท่านเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองเกิดจากการทำงานของร่างกายที่ผิดปกติ อย่างเช่นสิวที่เกิดบนหน้าผาก นั้นเป็นเพราะว่าลำไส้ของท่านนั้นร้อน สิวที่แก้มเกิดจากปอดของท่านร้อน หรือบางท่านมีสิวบริเวณรอบๆ ริมฝีปาก นั้นแสดงว่ากระเพาะของท่านร้อนมาก อาหารไม่ย่อย ทำให้เกิดพิษขึ้นในร่างกาย พิษต้องถูกขับถ่าย ถ้าอาหารไม่ย่อย ระบบขับถ่ายไม่ดี มันก็จะอัดอั้นอยู่ข้างใน ร้อนอยู่ข้างใน และทำให้เกิดเป็นเม็ดสิวหรือฝีขึ้นมา ทีนี้เกิดสิวขึ้นมาแล้วทำอย่างไร ไม่ให้เกิดสิว
การนวดสามารถรักษาสิวหรือฝีได้ ได้อย่างไร? การนวดคือการขจัดของเสียออกจากร่างกาย ให้กล้ามเนื้อคายพิษ คายของเสียออกมา ให้เลือดลมหมุนเวียนได้ทั่วร่างกาย ให้อุณหภูมเท่ากันตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ใช่ว่าหน้าร้อนมาก แต่เท้าเย็น นั่นก็ทำให้เลือดลมไม่ไหลเวียนลงเท้า ความร้อนก็จะอัดอั้นอยู่ในท้อง ขึ้นมาบนใบหน้า ทำให้เกิดสิวขึ้นมา เพราะฉะนั้นการนวดก็จะทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี ระบบการย่อยทำงานเป็นปกติ ขับถ่ายสะดวกก็จะทำให้สิวยุบได้
แล้วท่านจะสังเกตได้อย่างไรว่าร่างกายเกิดพิษขึ้นมาแล้ว อย่างเช่น ดูได้จากลิ้นของท่าน เมื่อท่านแลบลิ้นออกมา ถ้าปรากฏว่าตรงกลางลิ้นของท่าน มีสีแดงๆ หรือมีฝ้าที่ลิ้นเป็นสีเหลืองเข้มๆ นั่นก็แสดงว่ากระเพาะของท่านร้อนมากแล้วครับ หรือสังเกตุได้จากเวลาท่านถ่ายแล้วร้อนตรงก้น นั่นก็มีพิษเกิดในตัวท่านแล้วเช่นเดียวกัน ต้องแก้ไขครับ โดยการเพิ่มน้ำให้ร่างกาย ทานน้ำให้เยอะขึ้น แต่อย่าทานน้ำเย็นนะครับเพราะถ้าทานน้ำเย็นแล้วจะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า “เย็นนอกร้อนใน”ผมจะลองยกตัวอย่างคนที่เป็นสิวกันมาก ก็คือนักเรียนนักศึกษานี่แหละครับที่มักจะเป็นสิวกันมาก พอเป็นสิวก็จะไปหาหมอสิว เอายามาทา ไปรักษาสิวกัน
ผมจึงลองสังเกต "พฤติกรรมการทานอาหารของนักเรียนนักศึกษา" เวลาทานอาหารก็มักจะมีน้ำขวดนึงวางอยู่ข้างๆ หรือทานข้าวจานนึงกินน้ำไปเหยือกนึง เมื่อทานอย่างนี้แล้วก็จะเกิดอาการอาหารไม่ย่อย เมื่ออาหารไม่ย่อยก็จะเกิดอาการอย่างที่ผมบอกไปแล้วข้างต้นแหละครับ ว่าจะเกิดพิษขึ้นมาอัดอั้นในร่างกาย แล้วก็จะเกิดเป็นสิวหรือฝีขึ้นมา ทางแก้ก็คือท่านไม่ควรดื่มน้ำเยอะระหว่างทานอาหาร ดื่มได้ซักครึ่งแก้วหรือ 2-3 อึกก็พอ ทานเสร็จแล้วพักไว้ซัก 40 นาทีให้กระบวนการย่อยอาหารผ่านไปก่อนแล้วค่อยดื่มน้ำตาม แค่นี้ก็ใบหน้าท่านก็จะใสไร้สิวแล้วครับ ด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งหมอ ไม่ต้องฃื้อยาราคาแพง อีกต่อไป ประหยัดและยังปลอดภัยจากสารเคมีทั้งหลายด้วย

วิธีรักษาสิวด้วยว่านหางจระเข้

วิธีรักษาสิวด้วยว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้ช่วยรักษาสิว
วิธีใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวเพื่อผิวพรรณที่เนียนสวยอยู่เสมอทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
ใช้น้ำว่านหางจระเข้ล้างหน้าขจัดความกร้านเพื่อผิวเนียนสวย การใช้น้ำว่านหางจระเข้ล้างหน้า ให้ใส่เพียง 2-3 หยดก็พอถ้าเป็นในช่วงเร่งรีบอาจบีบเอาน้ำจากใบว่านสดเลยก็ได้ เมื่อผสมน้ำว่านหางจระเข้กับโฟมล้างหน้าแล้ว ให้ถูจนเป็นฟอง แล้วเริ่มล้างหน้าได้ สำหรับผู้มีผิวมันและมีเหงื่อมาก ในฤดูร้อน อาจใช้แปรงช่วยล้างหน้าด้วยก็ได้
ใช้เนื้อวุ้นของว่านหางจระเข้ช่วยสมานผิวหลังล้างหน้า
ล้างว่านหางจระเข้สะอาด ฝานเอาหนามแหลมออก แล้วค่อยปลอกเปลือก เอาแต่เนื้อวุ้นข้างในไว้ใช้ ล้างหน้าให้สะอาดแล้วนำเนื้อวุ้นมาทาใบหน้า เพื่อบำรุงผิวหน้า ทาไปเรื่อย ๆ จนกว่าเนื้อวุ้นจะไม่มีน้ำ เหลือแต่เส้นใย ก็ให้หยุดทา แล้วรีบล้างออกโดยเร็ว นอกจากนี้ยังอาจใช้กับโลชั่นที่ใช้เป็นประจำ โดยหยดน้ำว่านหางจระเข้สัก 2-3 หยดลงในโลชั่นก็เป็นอันใช้ได้
ใช้เนื้อวุ่นว่านหางจระเข้รักษาสิวและตุ่มพอง
ว่านหางจระเข้จะช่วยลดการอักเสบของสิวและสลายพิษของเชื้อโรค อีกทั้งเมื่อสิวหายก็จะไม่เกิดเป็นรอยสิวขึ้นด้วย ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาที่หัวสิวหรือจะตัดเนื้อวุ้นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ปิดไว้ที่หัวสิวแล้วจึงใช้ผ้าก๊อซปิดทับไว้ก่อนเข้านอนก่อนก็ได้
ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยสมานผิว และบำรุงรักษาผิว ช่วยรักษาน้ำและไขมันใต้ผิวให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ ขจัดการแตกแห้งของผิว ขจัดสิ่งสกปรก ไขมันและเซลล์ที่ตายแล้วบนผิว ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลยิ่งขึ้น ใบว่านหางจระเข้สด ๆ ใบจะมีสรรพคุณเป็นได้ทั้งเครื่องสำอางประเภทโลชั่นและน้ำนม ใช้ได้ทั้งผิวแห้งและผิวมัน
นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังมีสรรพคุณช่วยให้ผิวหนังหดตัว จึงช่วยป้องกันมิให้ผิวอักเสบและป้องกันการทำลายจากรังสีอุลตร้าไวโอเลต รวมทั้งฆ่าเชื้อโรคได้ด้วย ทั้งยังมีข้อดีอีกหลาย ๆ อย่าง เช่น ช่วยให้ผิวดูเนียนสวยอ่อนวัย กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ขจัดสิว ลบรอยย่น และจุดด่างดำบนใบหน้าได้ดีอีกด้วย
ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณมากมายดังที่กล่าวมาข้างต้น จึงเสมือนเครื่องบำรุงความงามที่ธรรมชาติให้มา และสารที่ออกฤทธิ์ในว่านหางจระเข้ยังซึมซาบเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว จึงมีผลในการบำรุงรักษาผิวได้ดีทุวัน
แต่สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ให้ทำการทดสอบก่อนว่าใช้เนื้อวุ้นว่านได้หริอไม่ โดยมีวิธีทดสอบคือ ตัดเนื้อวุ้นว่านขนาด 3 ซ.ม. ปิดไว้ตรงแขนด้านใน (หรือทาที่ท้องแขนด้านใน) จากนั้นปิดทับด้วยผ้าก๊อซและกระดาษไข เพื่อให้เนื้อวุ้นติดอยู่ ถ้าไม่มีอาการแดงหรือคันในเช้าวันรุ่งขึ้น แสดงว่าใช้เนื้อวุ้นว่านได้

วิธีรักษาสิวด้วยน้ำมะนาว

น้ำมะนาว รักษาสิวด้วย"วิธีธรรมชาติ"
... หาได้จากตู้เย็นในครัวที่บ้านใช้น้ำมะนาวเพื่อบรรเทา / รักษาสิว เป็นวิธีธรรมชาติในการรักษาสิวที่ง่ายและปลอดภัยสามารถใช้ได้ทั้งทาบนผิวและดื่ม ทั้งสองวิธีจะช่วยลดการเกิดสิวและรอยแผลเป็นทั้งภายนอกและภายใน ได้มีทดลองใช้น้ำมะนาวทั้งสองวิธีแล้ว (ทาโดยตรงบนผิวหน้า และดื่ม) และพบว่าภายใน 3 สัปดาห์ สิวก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเชื่อว่าการผสมน้ำมะนาวกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน จะช่วยให้ผลเร็วขึ้นทาน้ำมะนาวโดยตรงบนสิวน้ำมะนาวมีกรดผลไม้ AHA หรือ Alpha Hydroxy Acids ทำงานโดยการลอกเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผิว และช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างได้ผลัดขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ยังช่วยชำระรูขุมขนและช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น สดใสด้วย
สูตรน้ำมะนาว วิธีใช้
1.ล้างหน้าให้สะอาด2
2.บีบน้ำมะนาว 1 ช้อนชาในถ้วยเล็ก ใช้สำลีจุ่มน้ำมะนาวพอเปียก อาจผสมน้ำหากรู้สึกว่าแสบเกินไป
3.ป้ายน้ำมะนาวลงบนสิว สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวหัวหนอง
4.ทิ้งไว้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้างออก ล้างออกตอนเช้า และทาอีกครั้งก่อนเมคอัพ (หากคุณต้องใช้เมคอัพ)
5.หากรู้สึกว่าน้ำมะนาวนั้นแรงเกินไป แม้ว่าจะผสมน้ำให้เจือจางแล้วก็ตาม ให้ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นวิธีการนี้ใช้เวลา 2 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำจึงจะเห็นผล ดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาสิวสามารถใช้วิธีการดื่มน้ำมะนาวเพื่อรักษาและทำความสะอาดภายในร่างกาย หรือขจัดสารพิษออกจากตับ และเพื่อให้การดูดซึมแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย น้ำมะนาวนั้นเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายและผิวพรรณ ที่ช่วยให้กระชุ่มกระชวย ดื่มง่าย และทำได้ง่ายความจริงแล้วการรักษาสิวด้วยการดื่มน้ำมะนาวนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง ที่ทุกคนควรดื่ม (สำหรับคนที่ไม่แพ้มะนาว) ประโยชน์ต่าง ๆ เหล่านั้นคือ :
-ขจัดกรดต่าง ๆ ที่ตกค้างออกไป เพราะน้ำมะนาวมีแร่ธาตุต่าง ๆ (วิตามินซี, โพแทสเซียม)
-บรรเทาอาการท้องผูก
-ทำความสะอาดตับด้วยกรดซิตริก และสร้างเอนไซม์เพื่อขจัดสารพิษในเลือด
-ช่วยกระบวนการย่อยอาหาร
-กำจัดนิ่วในไต และตับอ่อนการรักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว
สูตร 1
1.บีบน้ำมะนาว 1 ผลลงในแก้ว
2.เติมน้ำเปล่า 2 ถ้วย (ถ้วยละ 8 ออนซ์)
3.ดื่มน้ำมะนาวที่ผสมนี้ได้ทั้งวันการรักษาสิวโดยการดื่มน้ำมะนาว
สูตร 2
1.บีบน้ำมะนาว 1 ผล ผสมกับน้ำอุ่นที่ต้มแล้ว 1 ถ้วย (8 ออนซ์)
2.ดื่มเป็นสิ่งแรกของวัน ในตอนเช้า
3.หลังจากดื่มน้ำมะนาว งดการดื่ม หรือรับประทานสิ่งใด ๆ ภายในครึ่งชั่วโมง เพื่อให้น้ำมะนาวได้ชำระล้างร่างกาย

การรักษาสิว
งดใช้เครื่องสำอางที่ทำให้เกิดสิว หรือเลือกเครื่องสำอางที่ถูกกับผิวหน้า
งายาหรือครีมทาก่อนนอน
ห้ามบีบหรือแกะสิวโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้สิวลุกลาม
อาหารสามารถรับประทานได้แต่ก็ควรจะหลีกเลี่ยงอาหารที่มัน และหวานและก็อย่ารับมากจนอ้วน
ห้ามถูหน้าแรงๆในขณะล้างหน้า ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งและใช้ผ้าซับเบาๆ
คนที่หน้ามันให้ล้างหน้าด้วยสบู่อย่างน้อยวันละ 4 ครั้ง
การเลือกยาทาสิวขึ้นกับชนิดของสิวซึ่งควรจะปรึกษาแพทย์
การเลือกรับประทานยาขึ้นกับแพทย์ที่ดูแล


แผลจากสิวเกิดจากอะไร?

เมื่อเป็นสิวหลายคนอาจจะไม่ได้กังวลว่าสิวจะรักษาหาย หรือไม่ แต่กลับกังวลใจเรื่องแผลเป็นที่เกิดจากสิว วันนี้เราได้รับ คำแนะนำดีๆ จาก พ.ญ.ปิยะดา ทิพรังกร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะทางผิวหนัง (Dermatologist) ว่าจะมีหน้าใสปราศจาก แผลเป็นที่เกิดจากสิวได้อย่างไร “เริ่มต้นจากสาเหตุก่อนนะคะ แผลเป็นจากสิวนั้นเกิดเพราะ การอักเสบของสิวที่เป็นปฏิกิริยาแบบเดียวกับการเป็นฝีหนองซึ่ง มักจะทิ้งแผลเป็นไว้เสมอ หากปล่อยให้อักเสบนานๆ หรือยิ่งอักเสบ มากๆ จะยิ่งทิ้งรอยมาก โดยทั่วไปแผลเป็นจากสิวแบ่งได้ 2 แบบค่ะ แบบแรกเป็น รอยหลุม ซึ่งเป็นแผลเป็นที่รักษายากที่สุด แบบที่สองคือ รอยแผลแบบที่มีการเปลี่ยนแปลงของสีซึ่งพบบ่อยมาก มักมีสี ออกแดงคล้ำๆ บางคนเรียกรอยแดง บางคนเรียกรอยดำ หมอขอ เรียกว่ารอยแดงนะคะ เพราะมีสาเหตุจากการอักเสบ จะได้ไม่สับสน เพราะไม่ใช่สีดำล้วนๆ แบบกระ หรือฝ้าซึ่งมีวิธีรักษาต่างกันค่ะ” วิธีรักษาแผลจากสิวทำอย่างไร? “ในกรณีที่เป็นแผลเป็นแบบหลุม หลักการคือต้องกระตุ้น ให้ผิวหน้าสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนขึ้นเสริม ในปัจจุบันมีนวัตกรรม หลากหลายที่คิดค้นขึ้นมาช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ รักษาโดยใช้แสงเลเซอร์ หรือการทำ Dermaroller โดยผู้เชี่ยวชาญ ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ได้ผลดี แต่ต้องใช้เวลารอผลบ้างนะคะ ถ้าต้อง การให้หลุมสิวเต็มขึ้นทันที จะใช้สารที่มีคุณสมบัติคล้ายสารตาม ธรรมชาติที่มีอยู่ในชั้นหนังแท้ของผิวหนังมนุษย์ เช่น Restylane ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาประเทศไทย มาฉีดเพื่อ เติมเต็มร่องหลุมนั้นๆ ค่ะ สำหรับรอยแดงสิว มีทั้งการรับประทานยา ทายา หรือการ ส่งผ่านยาลงไปในผิวหนังโดยใช้หลากหลายวิธี นวัตกรรมล่าสุด เราใช้แสงเลเซอร์ ก็พบว่าช่วยให้รอยแดงหายเร็วยิ่งขึ้น” มีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดแผลจากสิวหรือไม่? “วิธีการป้องกันการเกิดแผลเป็นที่เกิดจากสิวที่ดีที่สุด คือ อย่าให้เป็นสิว หลีกเลี่ยงต้นเหตุของสิว พักผ่อนนอนหลับให้ เพียงพอ พยายามผ่อนคลาย ลดความเครียด ถ้าเลี่ยงไม่ได้แล้วเป็น สิว ก็ไม่ควรบีบ แคะ แกะ เกา นะคะ เพราะอาจทำให้สิวเกิดการอักเสบ รุนแรงมากขึ้น รีบรักษาอย่างถูกวิธีให้สิวหายเร็วที่สุด อย่าปล่อย เอาไว้นาน แผลเป็นนั้นรักษายาก และใช้เวลาในการรักษานานกว่า ตัวสิวเองอีกนะคะ” ที่มา; advertorial นิตยสารเปรียว ปักษ์หลัง พฤษภาคม 2550 ที่มา; advertorial นิตยสาร TV Gossip ปักษ์แรก พฤษภาคม 2550 แก้ไขล่าสุด : 02 มกราคม 2551

สาเหตุของการเกิดสิว

Acne หรือสิว
สิวเป็นการอักเสบของระบบต่อมไขมัน (sebaceous) ในรูขุมขน ปกติไขมันที่สร้างจากต่อมไขมันจะออกมาตามเส้นขน หากมีการอุดตันของทางเดินก็จะทำให้เกิดสิว สิวมีหลายชนิดที่พบบ่อยๆได้แก่ สิวธรรมดาหรือที่เรียกว่า Acne vulgalis สิวหัวดำ สิวที่มีการอักเสบเป็นหนอง บางรายมีตุ่มหนองด้วย
สาเหตุของสิว
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้แก่
ฮอร์โมน ร่างกายสร้างฮอร์โมน Androgen ทำให้มีการสร้างไขมันเพิ่ม โดยมากฮอร์โมนจะเริ่มสร้างเมื่ออายุ 11-14 ปีดังนั้นจึงพบสิวมากในวัยนี้และอาจจะอยู่ได้นานหลายปี
การผลิตไขมันมากขึ้นและร่วมกับเซลล์ผิวหนัง และเชื้อแบทีเรียทำให้เกิดการอุดตันจนเกิดสิว
มีการเปลี่ยนแปลงของรากผม รากผมเจริญเร็วเซลล์มีการแบ่งตัวเร็ว และมีเซลล์ที่ตายมาก จึงเกิดการอุดตันของต่อมไขมัน แบททีเรียโดยเฉพาะชื่อ Propionibacterium acne จะทำให้เกิดการอักเสบของสิว
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวมากน้อยมีอะไรบ้าง
กรรมพันธ์
การทำงานของต่อมไขมัน หากที่ใดที่มันและร่วมกับการดูแลรักษาความสะอาดไม่ทั่วถึงก็ทำให้เกิดสิว
อาหารโดยทั่วไปไม่มีผลต่อการเกิดสิว แต่ก็มีความเชื่อกันว่าการรับประทานอาหารที่มัน หรือหวานจะเกิดสิวได้ง่าย
อากาศ ขึ้นกับแต่ละคนบางคนเป็นมากในฤดูหนาว บางคนฤดูร้อน
อารมณ์ คนที่อารมณ์ดีจะเกิดสิวน้อยกว่าคนที่อารมณ์เสีย
การใช้เครื่องสำอางค์เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเกิดสิว การเลือกสบู่ที่เหมาะกับสภาพผิวหนัง คนที่มีแห้งควรจะใช้สบู่ที่เป็นด่างอ่อน คนที่ผิวมันก็อาจจะใช้สบู่ที่มีความเป็นด่างมากขึ้นได้ หรืออาจจะใช้สบู่ที่มีด่างอ่อนแต่ล้างหน้าบ่อยขึ้น
ครีมบำรุงผิวก็ต้องเลือกใหถูกกับผิวหน้า คนที่ผิวแห้งไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่มีแอลกอฮอร์เป็นส่วนประกอบ คนที่ผิวมันก็หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีไขมันสูง
การระคายผิว เช่นการล้างหน้าที่มีการถูมาก หรือการบีบสิว
ยาบางชนิดทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้น เช่น INH Iodides Bromide Steroid Testosterone Gonadotropine Anabolic steroid ยาคุมกำเนิด

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553



ชื่อเล่น นก
เกิด 21 มกราคม 2508 (อายุ 44 ปี)
คู่สมรส ฉัตรชัย เปล่งพานิช
อาชีพ นักแสดง,นักร้อง
ปีที่แสดง 2524-ปัจจุบัน

ประวัติ

สินจัย เกิดและโตที่กรุงเทพ มีพี่น้อง 4 คน เป็นคนที่ 2 พี่สาวต่างมารดาหนึ่งคน และน้องชายสองคน ศึกษาจบระดับมัธยมที่ 3 จากโรงเรียนศรีอยุธยา ก่อนเข้าวงการ ปี 2523 ได้ตำแหน่งนางสงกรานต์ของช่อง 5 และไปประกวด Miss Young International เข้ารอบ 15 คนและเป็นนางแบบให้กับห้างไทยไดมารู จึงเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงเมื่อปี 2524 ด้วยการถ่ายแบบให้กับสกุลไทย
จากนั้นก็ได้มีโอกาสเข้าสู่วงการภาพยนตร์ไทยจากเรื่อง “ สายสวาทยังไม่สิ้น” (2525)กำกับโดยคุณแจ๊สสยาม แสดงนำเป็นเรื่องแรกคู่กับคุณฉัตรชัยและคุณพิศาล เป็นภาพยนตร์ของไฟว์สตาร์ ต่อจากนั้นได้แสดงเรื่องกตัญญูประกาศิต แสดงร่วมกับโจวหยุนฟะ แล้วเริ่มมีชื่อเสียงเมื่อแสดงเรื่องเพลิงพิศวาส กำกับโดยหม่อมน้อยและได้รางวัลพระสุรัสวดีนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมและนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากนวลฉวี กำกับโดยอาจารย์บรรจง ในปีเดียวกันนั่นเอง นวลฉวีได้รับการตอบรับที่ดีมาก เรื่องนี้แสดงคู่กับคุณอภิชาติ หาลำเจียก
ปี 2527 เล่นละครเรื่องแรก "ระนาดเอก" ทางช่อง 7 และในปี 2532 มีผลงานการเขียนหนังสือรวมเล่มกลอนเปล่า "ความงามแสนเหงา" โดยใช้นามปากกาว่า "ปรางทราย" จนปี 2533 ได้มีผลงานออกอัลบั้มเพลงชุด "ทอฝัน" กับค่ายแกรมมี่
ส่วนทางด้านการแสดงภาพยนตร์มีผลงานเช่น “ สายสวาทยังไม่สิ้น” (2525), “ ช่างมันฉันไม่แคร์” (2529), “ สะแกกรัง” (2529) , “ สะใภ้” (2529), “ แสงสูรย์” (2529), “ ฉันผู้ชายนะยะ” (2530), “ ฉันรักผัวเขา” (2530), "พลอยทะเล" (2530), “ ไฟซ่อนเชื้อ” (2530), “ ครั้งเดียวก็เกินพอ” (2531), “ ภุมรีสีทอง” (2531), “ รักด้วยชีวิต” (2531), “ วิวาห์จำแลง” (2531), “ รักข้างแรม” (2532) ฯลฯ
ปี 2533 เปิดบริษัท "Marks Entertainment" ผลิตรายการโทรทัศน์ โดยมีหุ้นส่วนทั้งหมด 4 คน นอกจากนี้ในปัจจุบันยังเป็นผู้จัดละครโดยเริ่มจากละครเรื่อง "ตราบสิ้น...ดินฟ้า"
ในปี พ.ศ. 2550 สินจัยแสดงในภาพยนตร์ไทย กำกับโดย ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล‎ เรื่อง รักแห่งสยาม รับบทเป็น "สุนีย์" ซึ่งจากภาพยนตร์เรื่องนี้เองทำให้เธอได้รับรางวัล ผู้แสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากรางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 16 คมชัดลึก อวอร์ด และ สตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส[1] และอีกหลายรางวัล อีกทั้งเธอยังเคยถูกจัดอันดับให้เป็นบุคคลบันเทิงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอันดับ 3 ของประเทศไทย และต่อมาก็ได้รับรางวัลนักแสดงหญิงแห่งปี จากไนน์เอ็นเทอร์เท็นอวอดส์ 2008
เธอกลับมาแสดงภาพยนตร์อีกครั้งในปี 2553 "นิดา" หญิงวัยกลางคนที่มีลูกชายป่วยเป็น "โรคฮิคิโคโมริ" กับภาพยนตร์ในการกำกับของภาคภูมิ วงษ์จินดา และ เขียนบทโดย เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ เรื่อง Who r u?[2]
[แก้] ชีวิตส่วนตัว
ทางด้านชีวิตส่วนตัว เธอแต่งงานกับฉัตรชัย เปล่งพานิช มีลูกชายและลูกสาว 3 คนคือ กัน สิทธิโชค เปล่งพานิช ,บอม ฑิชากร เปล่งพานิช และ ดอม พีรดนย์ เปล่งพานิช
นอกจากนี้ ด้วยวัยเกิน 40 ปีในปัจจุบัน สินจัยยังมีผลงานการถ่ายแบบในหน้านิตยสารอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพราะเธอถือเป็นดารานางแบบรุ่นเก่าคนหนึ่งที่รักษารูปร่างได้ดีมาก ในคอลัมน์ model ของนิตยสารวอลลุ่ม ฉบับปักษ์แรก ธันวาคม 2550 ได้ระบุเอาไว้ว่า สินจัยมีส่วนสูง 170 เซนติเมตร หนัก 50 กิโลกรัม และมีสัดส่วน 32-25-36