วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

สูตรรักษาฝ้า

สูตรรักษาฝ้า คั้นน้ำมะขามเปียก ให้ค่อนข้างใสสักหน่อย ตั้งไฟอ่อน รอจนสุก จึงใส่น้ำผึ้งลงไปคนให้เข้ากัน ขั้นตอนนี้ต้องทำพร้อมกัน คือมือหนึ่งเท อีกมือก็คนให้ทั่ว นำมาทาหน้า วันละ 1 ชั่วโมง ช่วยรักษาฝ้า และทำให้ผิวหน้านวลใสขึ้น สูตรสาวหน้าใส ส่วนผสม น้ำผึ้ง น้ำมะนาว ผสมน้ำผึ้ง 1 ถ้วย น้ำมะนาว 1 ช้อนชา เข้าด้วยกัน นำมานวดให้ทั่วใบหน้า มะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิว เหมือนครีมที่มีส่วนผสม AHA นั่นแหละ ส่วนน้ำผึ้ง ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น นวด ประมาณ 15 นาที สูตรลดริ้วรอย เลือกใช้ผลไม้ที่หาง่าย จะเป็นแอปเปิ้ล กล้วยหอม แตงกวา หรือมะเขือเทศก็ได้ค่ะ ใช้ปริมาณ 1 ถ้วย นำมาปอกเปลือกและเอาเมล็ดออก นำไปปั่นให้เนื้อ ละเอียด นำเนื้อผลไม้ที่เตรียมไว้ มาพอกให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก และล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น อีกครั้ง จะทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม เกลี้ยงเกลา แลดูสดใส สูตรกระชับรูขุมขน กล้วยหอม แตงกวา มะเขือเทศ (เลือกเอาอย่างใด อย่างหนึ่ง) ปอกเปลือก เอาเมล็ดออก แล้วหั่นเป็น ชิ้นเล็ก ๆ เติมนมเปรี้ยวหรือน้ำผึ้งลงไป นำไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อครีม นำมาพอกให้ทั่ว ใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ ประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้าง ออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยทำความสะอาดใบหน้า และ ช่วยกระชับรูขุมขน และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น สูตรพิฆาตสิวเสี้ยน นำไข่ขาว มาทาบาง ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน แล้วใช้ กระดาษทิชชูหรือกระดาษซับหน้าแค่ชั้นเดียว วางทับลงไป รอให้แห้ง แล้วค่อย ๆ ดึงกระดาษออก โดยดึงจากมุมด้านล่าง สิ้วเสี้ยนที่เคยเป็นเสี้ยนหนาม ตำใจจะหลุดออกมาอย่างง่ายดายค่ะ เคลนเซอร์สำหรับทุกสภาพผิว โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย น้ำมันดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ (คั้นสด ๆ นะคะ) นำส่วนผสมทั้งหมด มาผสมให้เข้ากัน พอกให้ทั่วหน้า ทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิว ให้ชุ่มชื้นอีกด้วย

สูตรรักษาผิวหน้า


สูตรขจัดสิวหัวดำ นำมะเขือเทศสดมาปั่นรวมกับข้าวโอ๊ตให้เข้ากัน แล้วผสมน้ำผึ้ง สักเล็กน้อยนำมาทา บนใบหน้าให้ทั่ว เน้นเป็นพิเศษบริเวณ ที่มีสิวหัวดำ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น

มาร์คพอกหน้าสูตรใบเตย นำใบเตย4-5 ใบมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำไปปั่นรวมกับไข่ไก่ 2ช้อนโต๊ะจะได้

มาร์คพอกหน้าเป็นครีมข้นๆ หอมกลิ่นใบเตย พอกหน้าไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างหน้าตามปกติ

ถนอมผิวหน้าด้วยโยเกิร์ต ล้างหน้าให้สะอาด ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู แล้วใช้มือแตะ โยเกิร์ต(ให้ใช้ชนิดที่ไม่ผสมเนื้อผลไม้) มาพอกให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบปากและดวงตา นวดและคลีงเบาๆ พอกไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก หมั่นทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ผิวจะเปล่งปลั่ง สดใสอมชมพูทีเดียวค่ะ

ครีมพอกหน้าสำหรับสาวผิวมันและผิวผสม ให้ใช้แตงกวา1 ผล ไขไก่ 1 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่ขาว) และมะนาว 1 เสี้ยว หั่นแตงกวาเป็นแว่นบางๆ นำไปปั่นพร้อมกับไข่ขาว และบีบน้ำมะนาวลงไป ปั่นจนละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตาไว้ ทิ้งไว้ ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุก สัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยสมานผิวหน้า กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน เต่งตึง และนวลนุ่ม ชุมชื่น เพื่อเรียวขาสวย ก่อนนอน นำมะนาวเปรี้ยวๆสักหนึ่งเสี้ยว บีบลงในดินสอพอง พอหมาด ทาให้ทั่วขา ทิ้งไว้สักหนึ่งคืน รุ่งเช้าค่อยล้างออก แม้จะไม่ทำให้ขาเนียนขึ้นทันตาเห็น แต่หากทำเป็นประจำ ยืนยันว่าได้ผลค่ะ

ลบรอยกระด่างดำบนใบหน้าด้วยมะละกอสุก นำมะละกอสุกมายีให้ละเอียด พอกหน้า ทิ้งไว้ สัก 10 นาที แล้วจึงล้างออก จะช่วยให้ ใบหน้าที่มีรอยด่างดำดูดีขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

วิธีรักษาจุดด่างดำและรอยแผลเป็น

1. เมื่อเป็นสิวอักเสบ มีผิวหนัง อักเสบหรือเป็นแผล จะมีการกระตุ้น เซลล์สร้างเม็ดสีให้ผลิตเม็ดสีเพิ่มขึ้น ทำให้เมื่อหายอักเสบแล้วจะทิ้งรอยด่างดำไว้ ซึ่งจะค่อยๆ จางหายไปเอง แต่อาจต้องใช้เวลานานสักหน่อย การทาครีมให้ผิวขาว (whitening cream) อาจช่วยให้รอยด่างดำจางลงเร็วขึ้น บางคนใช้วิธีขัดผิวด้วยกระแสไฟฟ้าที่เรียกว่า" ไอออนโต " (iontophoresis) ซึ่งอาจทำให้ริ้วรอยด่างดำจางเร็วขึ้นได้บ้าง แต่เสียค่าใช้จ่ายสูง ส่วนรอยแผลเป็นจากสิวชนิดที่มีลักษณะเป็นหลุมบ่อ รอยแผลเป็นพวกนี้มักถาวร การทากรดวิตามินเอ หรือทำไอออนโตด้วยกรดวิตามินเอ อาจทำให้รอยแผลเป็นชนิดนี้ดีขึ้นได้บ้าง นอกจากนั้นการขัดหน้าด้วยเกล็ดอัญมณี (crystal peeling หรือ microdermabrasion) ก็อาจช่วยให้แผลเป็นหลุมบ่อตื้นขึ้นได้ แต่ทางที่ดีที่สุดอย่าบีบ อย่าแกะสิวเวลาสิวอักเสบ จะช่วยไม่ให้เกิดแผล เป็นเหล่านี้ครับ2. สำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามัน การล้างหน้าบ่อยๆ คงไม่ใช่วิธีที่จะป้องกัน ไม่ให้หน้ามัน หรือไม่ให้รูขุมขนกว้าง ควรล้างหน้าฟอกสบู่วันละ 1-2 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว โดยใช้สบู่ลูบไล้ผิวหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เสร็จ แล้วซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด อาจใช้สบู่เด็กเพราะหาง่ายและไม่แพง ไม่แนะนำให้ใช้ครีมหรือโลชั่นล้างหน้า เพราะใบหน้าจะยิ่งมันขึ้น แต่ถ้าแต่งหน้าก็อาจต้องใช้ครีมล้างหน้าก่อน แล้วตามด้วยการล้างหน้าและฟอกสบู่ ระหว่างวันถ้าหน้ามันก็ใช้กระดาษซับมัน

วิธีขจัดสิวเสี้ยน

วิธีขจัดสิวเสี้ยน บางคนใช้ไข่ขาวทาทั่วหน้าแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วจึงลอกออก ก็อาจพอช่วยได้บ้าง เล็กน้อย อาจใช้ยาทากลุ่มเบนซอยล์ เปอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) หรือกลุ่มกรดวิตามินเอทาทั่วหน้า โดยทั่วไปยาเบนซอยล์ เปอร์ออกไซด์ นิยมใช้ทาทั่วหน้าก่อนล้างหน้าในตอนเย็น แล้วทิ้งไว้ 5 นาที จึงล้างออก ส่วนยากรดวิตามินเอนั้นให้ ทาทั่วหน้าก่อนนอน และควรใช้ยากันแดดทาทั่วหน้าในตอนเช้า เพราะยากรดวิตามินเอหากโดนแสงแดดจะเกิดความระคายเคืองได้ ยาทาทั้ง 2 ตัวนี้อาจก่อผลแทรกซ้อน จึงควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์นะครับอีกวิธีหนึ่งคือ ใช้เครื่องมือกดสิว (comedone extractor) กดตามบริเวณที่เป็นสิวเสี้ยนดำ แต่วิธีนี้ต้อง ทำโดยความระมัดระวัง เพราะทำให้ ผิวหนังระคายเคือง และหากกดไม่ถูกวิธีสิวอุดตันอาจจะแตกออกจากท่อรูขุมขนโดยยังฝังอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อตามมาได้ ส่วนการใช้แผ่นกาวขจัดสิวเสี้ยนก็พอ ทำให้สิวเสี้ยนหลุดออกได้บ้าง แต่ก็ควรใช้ตามคำแนะนำในฉลากยา และ ไม่ควรใช้เกินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

วิธีรักษาหน้าหลุมสิว

วิธีรักษาหน้าหลุมสิว รอยด่างดำสิวง่ายๆ
AHA หรือแอลฟาไฮดรอกซีแอซิด (Alpha Hydroxy Acid) ที่เรียกกันว่ากรดผลไม้ เป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในอาหาร เช่น กรดเมลิกแอปเปิ้ล กรดซิตริกในมะนาว กรดทาริกในองุ่น กรดแลกติกในนมเปรี้ยว และกรดไกลโคลิกในอ้อย เป็นต้น ช่วยต่อต้านการแก่ของผิวหนัง จากการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งและศูนย์วิจัยในอมริกา เช่น มหาวิทยาลัยฮานีแมน มหาวิทยาลัยเพ็นซิลวาเนีย เทมเปิล และยูซีแอลเอ พบว่า ให้ผลดังนี้
- มีประสิทธิภาพเมื่อใช้กับผิวหนัง และผิวที่แห้งอย่างรุนแรง
- ขจัดสิวอุดตัน และทำความสะอาดรูขุมขน
- เพิ่มความนุ่มและความตึงของผิวหนัง- ขจัดปัญหาน้ำมันและสิวบนใบหน้า
- ป้องกันอันตรายต่อผิว เนื่องจากสารชะล้าง เป็นต้น
- ลดการเปลี่ยนสีผิว และจุดด่างดำ (age spots) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับไฮโดรควิโนน
- ป้องกันผิวหนังได้ดีเท่ากับการรักษาผิวมีการใช้ AHA ในเครื่องสำอางมาหลายปี บ่อยครั้งใช้ในการปรับความเป็นกรดด่าง (pH) การค้นพบประสิทธิภาพของ AHA ต้องยกย่องให้ ดอกเตอร์ ยูจีน แวนสก๊อต แพทย์ทางผิวหนัง (ตจแพทย์) ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านคลีนิก ภาควิชาตจวิทยา มหาวิทยาลัยฮานีแมน รัฐฟิลเดลเฟีย มีการเริ่มใช้ AHA ครั้งแรกโดยการทดลองรักษาในคนไข้ที่มีอาการผิวแห้งและพบว่า AHA ยังมีประสิทธิภาพอย่างดีเยี่ยม ในการรักษาสิวและจุดด่างดำ กลไกการออกฤทธิ์ AHAที่ผิวนอกหรือลึกลงไปจะน้อยหรือมาก ขึ้นกับกลไกการออกฤทธิ์ของกรดแต่ละชนิดการลอกหน้าด้วยสารเคมี เป็นการใช้สารเคมีทาบนผิวหน้า ทำให้เกิดการลอกหลุดของเซลล์ผิวหนังชั้นบน ตามมาด้วยการสร้างเซลล์ผิวหนังขึ้นใหม่จากข้างใต้ ผิวหนังใหม่จะมีความนุ่มนวล และสีผิวสม่ำเสมอกว่าเดิม
นอกจากนั้นเชื่อว่า การที่ผิวหนังมีการอักเสบจากการใช้สารเคมีนี้จะทำให้มีการหลั่งสารหลั่งบางชนิด ไปกระตุ้นให้มีการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน ในชั้นหนังแท้เพิ่มมากขึ้นการลอกหน้าโดยใช้สารเคมี มีระดับความลึกต่างๆกัน ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง
๑. ชนิดและความเข้มข้นของสารเคมีที่ใช้ เช่น glycolic acid 30-70%, trichloroacetic acid 10-30% , salicylic acid 30-50%, phenol(carbolic acid), Jessner's solution
๒. วิธีการขณะทำการลอกหน้า เช่น ทากี่ครั้ง ระยะเวลาที่สารเคมีสัมผัสผิวหน้า ใช้สำลีหรือแปรง การนวดผิวหน้าขณะทาสารเคมี
๓. ผิวหน้าของผู้รับการรักษาเอง แต่ละคนไวต่อสารเคมีมากน้อยต่างกัน นอกจากนั้นการได้การรักษาบางอย่างมาก่อน ก็มีผลเช่นกัน เช่น การทากรดผลไม้ (AHA), การทากรดวิตะมินเอ (Retinoic acid), การทายาจำพวกสเตียรอยด์ , การทายารักษาฝ้าบางชนิดเป็นเวลานานๆ จะทำให้ผิวหน้าไวต่อการลอกหน้ามากขึ้น การออกฤทธิ์ AHAคนที่มีอายุมากขึ้น ขั้นตอนในการลอกผิวหนังจะช้าลง การใช้ AHA ช่วยละลายเนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งยึดติดอยู่ระหว่างเซลล์ที่ตายแล้วกับผิวหนังในชั้น stratum corneum ทำให้ชั้นบนสุดของผิวหนัง ซึ่งเป็นเซลล์ที่ตายแล้วลอกออกอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอทำให้รูขุมขนไม่อุดตันช่วยในการขับน้ำคัดหลั่งของต่อมเหงื่อ เซลล์ใหม่ที่ขึ้นทดแทนเซลล์เก่าทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ทำให้ผิวหนาขึ้นช่วยป้องกันและปกป้องผิวจากมลภาวะแวดล้อม และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย การเร่งหลุดออกของเซลล์ทำให้ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และรอยย่นหลังจากการใช้หลาย ๆ ครั้ง
จากการศึกษาของการผลิตภัณฑ์ AHA ประจำวันคือ ริ้วรอยเล็ก ๆ ลดลง ผิวเรียบมากขึ้น ผิวหนังสุขภาพดีและสะท้อนแสงอย่างสม่ำเสมอทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย กรด AHA ให้ผลคล้าย เรติน-เอ อันเป็นสารที่นิยมใช้ในการรักษาสิว และบำรุงผิวในทศวรรษที่ 80 (1980) แต่มีผลข้างเคียงเป็นอันตรายต่อผิวอย่างมาก เนื่องจากเรติน-เอ ทำให้ผิวหน้าส่วนบนบางลง ริ้วรอยบนใบหน้าดูจางลง สิวหลุดลอก หากใช้ไปนาน ๆ ผิวหน้าจะไวต่อแสงแดด และรู้สึกระคายเคืองมากเมื่อเทียบกับ AHA******ไกลโคลิก ซึ่งเป็นสารเด่นของ AHA มีขนาดโมเลกุลเล็ก เมื่อผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจึงออกฤทธิ์ได้ผลดีที่สุดเพราะว่าสามารถซึมเข้าผิวหนังได้โดยง่ายเป็นที่น่าสังเกตว่ากรดไกลโคลิก ได้ผลดีกับผิวหนังที่แห้งมาก นอกจากนี้กรดไกลโคลิก ยังทำหน้าที่สารฟอกจางสีผิวที่มีประสิทธิภาพดีกว่าไฮโดรควิโนน ******ผลจากการทำ AHA Treatment
๑. การรักษาสิว การลอกผิวหนังช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิด comedone
๒. ใช้ในการรักษาสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอบนใบหน้า จากกระ ฝ้าชนิดตื้น กระแดด ความผิดปกติของสีผิวที่อยู่ในชั้นหนังกำพร้าแต่ภาวะบางอย่างที่มีความผิดปกติอยู่ลึก มักไม่ได้ผลจากการลอกหน้าด้วยสารเคมี เช่น ไฝ ขี้แมลงวัน รอยดำหลังการอักเสบที่มีเม็ดสีอยู่ในชั้นลึก เป็นต้น
๓. ใช้รักษาร่องรอยแผลเป็นจากสิว
๔. ใช้รักษาร่องรอยเ...่ยวย่นบนใบหน้า ได้ผลกับรอยย่นที่ตื้นๆ วิธีใช้หลังจากล้างหน้าให้สะอาดแล้ว จะมีการทาAHAบนบริเวณใบหน้า 2-3นาทีในกรณีที่เพิ่งเริ่มใช้และ 5-7 นาทีในกรณีที่คุ้นเคยหรือมีการทำทรีทเม้นท์มาก่อนแล้วในระดับความเข้มข้นที่น้อยกว่า ระหว่างที่ทำการใช้จะมีอาการแสบและรู้สึกยิกๆ บริเวณที่ผิวแต่ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด****ภายใน 6-8 สัปดาห์จะรู้สึกว่าร่องรอยที่เกิดจากสิว สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอจะดูดีขึ้นริ้วรอยต่างๆจะจางลงอย่างเห็นได้ชัดค่ะ ที่มา http://board.narak.com/fashion_and_beauty/topic.php?No=88336

การรับประทานอาหารป้องกันสิว

อาหารป้องกันสิว
สิว เกิดจากความผิดปกติของต่อมไขมันที่ผิวหนัง ส่วนใหญ่จะเกิดบนใบหน้า ในบางกรณีจะเกิดบน หลัง ไหล่ หน้าอก และแขน สิวจะพบมากในวัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมน ไปกระตุ้นการหลั่งของต่อมไขมัน
ความเครียด นับเป็นสาเหตุสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว สารอาหารต่างๆ ที่ช่วยลดความเครียดจึงมีความสำคัญต่อการช่วยลดการเกิดสิวได้ การได้รับอาหารถูกต้อง ตามหลักโภชนาการและรักษาผิวหนังให้สะอาดเป็นประจำ รวมทั้งพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย การได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ และได้รับแสงแดดบ้างจะช่วยป้องกันการเกิดสิวได้
สำหรับเรื่องอาหาร พบว่า มีการใช้สารอาหารบางชนิดในการป้องกันและรักษาสิว เช่น วิตามินเอ วิตามินบีรวม วิตามินซี วิตามินดี และวิตามินอี แร่ธาตุ เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม โครเมียม กำมะถันและสังกะสี ทั้งในรูปของการกิน และการใช้ทาภายนอก สารอาหารดังกล่าวพบได้ในอาหารทั่วไป ดังนั้น เพื่อเป็น การป้องกันสิว วัยรุ่นควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และให้มีความหลากหลายในแต่ละหมู่ ในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะสังกะสี ซึ่งมีมากใน ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง อาหารทะเล เครื่องในสัตว์ ไข่ และ ตับ เพราะสังกะสีเป็นสารจำเป็นสำหรับการทำงานของต่อมไขมันและสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ดังนั้น การกินอาหารที่ให้วิตามินและแร่ธาตุเพียงพอ ร่วมกับการปฏิบัติอื่นๆ ดังกล่าวข้างต้นจะช่วยป้องกันสิวได้

วิธีรักษาสิวผด

วิธีรักษาสิวผด
สิวผด จัดเป็นสิวประเภทหนึ่ง ที่พบบ่อยๆ มีลักษณะคล้ายผดผื่นเล็กๆ และแหลม โดยพบว่า มักจะดูเรียบหรือดีขึ้นในตอนเช้า และจะเห่อๆ ในตอนบ่ายๆ ผื่นอาจมีสีแดงและคันได้ หากล้างหน้าบ่อยขึ้น มักเป็นมากขึ้น และหากรักษาไม่ถูกต้องจะเป็นมากขึ้น บริเวณที่พบได้บ่อยๆ คือ บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะ หน้าผากและขมับ
สาเหตุ ที่พบบ่อย คือ
1. จากความร้อน
2. แสงแดด
3. การเช็ดถูหน้าบ่อยๆ หรือ การเช็ดถูหน้าแรงๆ
4. เครื่องสำอางบางประเภท
5. บางครั้ง เชื่อว่า เชื้อรา P.OVALE มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
วิธีป้องกันสิวผด คือ
ลดการรบกวนต่อผิวหน้าให้น้อยที่สุด (Mechanical Irritation) เช่น การนวดหน้า,การขัดหน้า,หรือเช็ดถูหน้าบ่อยๆ
ล้างหน้าเฉพาะที่จำเป็น หรือบริเวณที่ผิวมัน เพราะ การล้างหน้าบ่อยๆ จะทำให้สิวผด รุนแรงมากขึ้นได้
ลด หรือหลีกเลี่ยง การใช้ครีมหรือยาที่ทำให้ผิวหน้าระคายเคืองมากขึ้น (Chemical Irritation) เช่น การใช้ยารักษาสิวประเภท Retinoic Acid,Benzoyel Peroxide AHA,BHA เป็นต้น
ควรล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า,หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ และไม่ควรใช้น้ำอุ่นล้างหน้า และควรล้างหน้าไม่เกิน 2-3 ครั้งต่อวัน
ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด และใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกนอกบ้าน ควรเลือกกันแดดที่มี SPF >15-30 และมีค่า PA++ เป็นอย่างน้อย
ไม่ควรซื้อยามารักษาผื่นเอง เพราะมักทำให้เป็นมากขึ้น และยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยา มักเป็น STEROID ซึ่งมีผลข้างเคียงมาก